คีย์เวิร์ดเป็นเหมือนรากฐานของ SEO หากไม่มีใครค้นหาสิ่งที่คุณเขียน คุณก็จะไม่ได้รับการเข้าชมจาก Google ไม่ว่าคุณจะพยายามแค่ไหนก็ตาม นั่นเป็นเหตุผลว่าทำไมการเรียนรู้การทำ Keyword Research จึงมีความสำคัญต่อความสำเร็จในการทำ SEO และหากเราทำ Keyword ที่ไม่ถูกต้องตั้งแต่แรก เราก็จะเสียเวลาและทรัพยากรจำนวนมากในการทำให้ถูกต้องอีกครั้ง 

Keyword Research คืออะไร?

Keyword Research คือกระบวนการค้นหาคำที่ลูกค้าเป้าหมายพิมพ์ลงในเครื่องมือค้นหาเช่น Google เพื่อค้นหาผลิตภัณฑ์ บริการ และข้อมูล

ทำไม Keyword Research จึงมีความสำคัญ?

หากคุณเผยแพร่หน้าเว็บในหัวข้อที่ไม่มีใครค้นหา บทความนั้นจะไม่ได้รับการเข้าชมจาก Google (หรือเครื่องมือค้นหาอื่นๆ) เจ้าของเว็บไซต์จำนวนมากทำพลาด ด้วยการไม่ทำ Keyword Research เสียก่อน  และนี่เป็นส่วนหนึ่งของเหตุผลว่าทำไม 90.63% ของหน้าเว็บบนอินเทอร์เน็ตไม่ได้รับการเข้าชมจาก Google 

Keyword Research ช่วยให้มั่นใจได้ว่าคำที่เราจะใช้ในเว็บนั้น มีการค้นหาจากผู้ใช้ Google จริงๆ ดังนั้น หากเว็บของคุณได้รับการจัดอันดับที่ดีใน Google หลังจากใช้คำจาก Keyword Research แล้ว ก็จะมีผู้เยี่ยมชมที่ตรงกับเป้าหมายเข้าเว็บสูงอย่างต่อเนื่อง

วิธีค้นหา keyword ideas

การทำ Keyword Research จะเริ่มต้นจากการลองนึกถึงลูกค้าของคุณ พวกเขาอาจใช้คำหรือวลีไหนในการค้นหาวิธีแก้ปัญหาของพวกเขา แล้วนำคำหรือวลีนั้นไปดูในเครื่องมือ Keyword Research เช่น Ahrefs’ Keywords Explorer แล้วเราก็จะเจอ keyword ideas ที่เกี่ยวข้อง

การหา keyword ideas เป็นวิธีการง่ายๆ แต่ก่อนจะหา keyword ideas คุณต้องรู้สองสิ่งนี้ก่อน คือ:

  • ความรู้เกี่ยวกับอุตสาหกรรมของคุณ
  • ความเข้าใจเกี่ยวกับวิธีการทำงานของเครื่องมือ keyword research

หา “seed” keywords

Seed keywords เป็นจุดเริ่มต้นของการทำ keyword research เพราะช่วยกำหนดกลุ่มเฉพาะและช่วยระบุคู่แข่งได้ โดยเครื่องมือ keyword research จะขอ seed keywords จากนั้นจะสร้างรายการ keyword จำนวนมากมาแสดงให้เราดู

หากคุณมีผลิตภัณฑ์หรือธุรกิจที่ต้องการโปรโมตทางออนไลน์อยู่แล้ว การสร้าง seed keywords ก็เป็นเรื่องง่าย ลองนึกถึงสิ่งที่ผู้คนพิมพ์ลงใน Google เพื่อค้นหาผลิตภัณฑ์ของคุณ ว่าผู้คนน่าจะพิมพ์คำว่าอะไร

ตัวอย่างเช่น หากคุณขายกาแฟและอุปกรณ์ชงกาแฟ seed keywords ของคุณอาจเป็น:

  • กาแฟ
  • คาปูชิโน่
  • french press
  • เนสเพรสโซ

ทั้งนี้ seed keywords ไม่จำเป็นต้องเป็น keywords เป้าหมายบนเว็บไซต์ แต่มันใช้เป็น keywords เริ่มสำหรับขั้นตอนต่อไป ในขั้นการทำ seed keywords ไม่ควรหมกมุ่นอยู่กับมันมากเกินไป ควรใช้เวลาเพียงไม่กี่นาทีในการรทำ แล้วหลังจากที่ได้แนวคิดกว้างๆ จำนวนหนึ่งที่เกี่ยวข้องกับหัวข้อของเว็บไซต์ ก็ให้ไปยังขั้นตอนถัดไปได้เลย

ดูว่าคู่แข่งใช้ keywords ไหน

การดูว่า keywords ไหนทำให้เว็บไซต์คู่แข่งมีการเข้าชมสูงนั้นเป็นวิธีที่ดีที่สุดในการทำ Keyword Research แต่ก่อนอื่นต้องระบุว่าใครเป็นคู่แข่งให้ได้ก่อน ด้วยการค้นหา keywords คำใดคำหนึ่งบน Google และดูว่าใครอยู่ในอันดับแรกๆ

หากไม่มี Seed Keyword ในเว็บไซต์อันดับต้นๆ ที่มีลักษณะคล้ายกับเว็บไซต์ของคุณ ก็อาจจะต้องลองค้นหาคำที่เฉพาะเจาะจงมากขึ้น ตัวอย่างเช่น หากขายอุปกรณ์ชงกาแฟ อาจพบคู่แข่งจริงๆในผลการค้นหาว่า “เครื่องทำคาปูชิโน่” มากกว่า “คาปูชิโน่” นั่นเป็นเพราะว่าส่วนใหญ่มีร้านค้าอีคอมเมิร์ซอยู่ในอันดับแรกๆ แล้วค่อยตามมาด้วยบล็อก

ใช้เครื่องมือ keyword research

keyword ideas สามารถหาได้จากคู่แข่ง แต่มีแนวโน้มที่คู่แข่งยังไม่ได้ใช้ keywords หลายคำ คุณสามารถค้นหาคำเหล่านี้ได้โดยใช้เครื่องมือ keyword research ต่างๆ keyword research จะทำงานในลักษณะเดียวกัน โดยคุณแค่ใส่ seed คีย์เวิร์ด แล้วพวกมันจะดึง keyword ideas จากฐานข้อมูลตามคีย์เวิร์ดนั้น

Google Keyword Planner (เรียกสั้น ๆ ว่า GKP) อาจเป็นเครื่องมือ keyword research ที่เป็นที่รู้จักมากที่สุด ใช้งานได้ฟรี สามารถใช้เพื่อค้นหา keywords เพื่อทำ SEO ได้

ศึกษากลุ่มเฉพาะ

ลองดูกลุ่มเป้าหมาย เช่น ฟอรัมอุตสาหกรรมนั้นๆ กลุ่ม และเว็บไซต์ถามตอบอย่างพันทิป ว่าเขาศึกษาหัวข้อหรือพูดคุยอะไรกัน นอกเหนือจากฟอรั่มอุตสาหกรรมนั้นๆแล้ว ลูกค้าปัจจุบันของคุณยังเป็นแหล่ง keyword ideas ที่ดีอีกด้วย ดังนั้นครั้งต่อไปที่คุณพูดคุยกับพวกเขา ก็อย่าลืมใส่ใจกับภาษาที่พวกเขาใช้และคำถามทั่วไปที่พวกเขาถาม นั่นอาจนำคุณไปสู่ original keyword ideas บนเว็บไซต์ของคุณได้

วิธีวิเคราะห์ keyword

การเข้าถึง keyword ideas นับล้านถือเป็นเรื่องที่ดี แต่คุณจะรู้ได้อย่างไรว่าอันไหนดีที่สุด? วิธีแก้ปัญหานั้นง่ายมาก โดยใช้ตัวชี้วัด SEO เพื่อจำกัดขอบเขตให้แคบลง 

Search volume

ปริมาณการค้นหาหรือ Search volume จะบอกจำนวนครั้งโดยเฉลี่ยที่มีการค้นหา keyword ต่อเดือน ตัวอย่างเช่น “donald trump” มีปริมาณการค้นหาต่อเดือนที่ 3.1 ล้านในสหรัฐอเมริกาเพียงประเทศเดียว

Search volume เป็นจำนวนการค้นหา ไม่ใช่จำนวนผู้ที่ค้นหา มีหลายกรณีที่บางคนอาจค้นหา keyword หลายครั้งต่อเดือน (เช่น “อากาศวันนี้”) ส่งผลต่อปริมาณการค้นหาของ keyword นั้น แม้ว่าจะเป็นคนคนเดียวกันที่ค้นหาก็ตาม 

หากต้องการได้รับปริมาณการค้นหา คุณต้องสร้างเนื้อหาในหัวข้อที่ผู้คนกำลังค้นหา วิธีที่ดีที่สุดในการเริ่มต้นคือการทำ keyword research ศึกษาว่า keyword ใดที่นำปริมาณการค้นหามาสู่คู่แข่งของคุณ เครื่องมือ keyword research มีฐานข้อมูล keyword มากมาย และสามารถแสดง keyword ideas ของ seed keywords นับล้านรายการ