หากต้องการจัดอันดับในเครื่องมือค้นหา คุณต้องสร้างเนื้อหาที่ผู้ค้นหาและเครื่องมือค้นหาต้องการ นั่นก็คือ  SEO Content ซึ่งก็คือเนื้อหาที่ออกแบบมาเพื่อจัดอันดับในเครื่องมือค้นหา อาจเป็นโพสต์บนบล็อก ผลิตภัณฑ์หรือแลนดิ้งเพจ หรืออย่างอื่น

ทำไม SEO Content จึงมีความสำคัญ?

เนื้อหาบางอย่างไม่ได้รับการจัดอันดับและไม่ได้รับการเข้าชมจากการค้นหาทั่วไป เฉพาะเนื้อหาที่สร้างขึ้นสำหรับผู้ค้นหาที่เกี่ยวกับหัวข้อที่กำลังค้นหาเท่านั้น ถึงจะได้รับการเข้าชม 

วิธีสร้าง SEO Content

การสร้าง SEO Content คือการมอบสิ่งที่ผู้ค้นหาต้องการ ด้วยการแบ่งปันข้อมูลเชิงลึกและความเชี่ยวชาญเฉพาะตัว 

เลือกหัวข้อที่พิสูจน์แล้ว

คุณควรมีหัวข้อที่ทำ keyword research มาแล้ว เพราะจะช่วยเพิ่มการเข้าชม และเป็นผลดีในทางธุรกิจ และช่วยเพิ่มศักยภาพในการจัดอันดับ

วิเคราะห์จุดประสงค์ในการค้นหา

การทำความเข้าใจจุดประสงค์ในการค้นหาหมายถึงการค้นหาว่าผู้ค้นหากำลังมองหาอะไร เพราะโอกาสในการจัดอันดับมีน้อยหากเนื้อหาของคุณไม่สอดคล้องกับสิ่งที่ผู้คนกำลังมองหา

Keyword คือสิ่งที่เป็นไกด์ในการเขียนบทความ ตัวอย่างเช่น ผู้ที่ค้นหาคำว่า “เคล็ดลับ SEO” ก็คงต้องการรู้เรื่องเกี่ยวกับเคล็ดลับ SEO ดังนั้นจึงเป็นการดีที่สุดที่จะดูว่าอันดับต้นๆของคีย์เวิร์ดนี้เขาเขียนเกี่ยวกับอะไร มุมมองไหนบ้าง แล้วจึงนำมาเขียนในมุมมองที่ต่างไปจากเว็บอื่น แต่ยังใช้คีย์เวิร์ดเดียวกัน 

ตัวอย่างในการวิเคราะห์:

  • ชนิดของเนื้อหา เป็นบล็อกโพสต์ หน้าผลิตภัณฑ์ หน้า Landing Page หรือหน้าอื่นๆหรือไม่
  • รูปแบบเนื้อหา เป็นบทความสอน คู่มือวิธีใช้ สูตรอาหาร เครื่องมือฟรี หรืออย่างอื่นไหม
  • มุมเนื้อหา มีจุดขายที่โดดเด่นไหม เช่น ราคาถูกหรือหาง่ายแค่ไหน

ตัวอย่างเช่น ผลลัพธ์อันดับต้นๆ ของ “แป้งพิซซ่า” ล้วนเป็นโพสต์บล็อกสูตรอาหารทั้งหมด 

ตรวจสอบความเชี่ยวชาญของนักเขียน

Google ให้ความสำคัญในเรื่องความเชี่ยวชาญกับหัวข้อที่ส่งผลต่อความสุข สุขภาพ หรือความมั่งคั่งของผู้อ่าน โดย Google เรียกหัวข้อเหล่านี้ว่า Your Money or Your Life (YMYL)

ส่วนหัวข้อที่ไม่ใช่ YMYL แค่เพียงนักเขียนมีความเชี่ยวชาญในหัวข้อนั้นๆก็เพียงพอแล้ว หากผู้เขียนมีประสบการณ์เพียงพอก็สามารถเป็นผู้เชี่ยวชาญในหัวข้อนั้นได้ ตัวอย่างเช่น คนที่เป็นมะเร็งนั้นก็สามารถเขียนเรื่อง “การเป็นมะเร็งนั้นเป็นอย่างไร” ได้ดีกว่าแพทย์

เขียนให้ครอบคลุมหัวข้อต่างๆ

หากมีความเชี่ยวชาญครอบคลุม ก็ถึงเวลาสร้างประเภทเนื้อหาที่ผู้ค้นหาต้องการเห็น การวิเคราะห์จุดประสงค์ในการค้นหาจะช่วยให้คุณมีแนวคิดครอบคลุมเนื้อหาที่คนอ่านต้องการทราบ ลองดูตัวอย่างวิธีในการค้นหาหัวข้อย่อยและประเด็นสำคัญ:

  • มองหาหัวข้อย่อยที่เหมือนกันในเว็บที่ติดอันดับสูงสุดๆ ว่าเว็บเหล่านั้นมีหัวข้อย่อยอะไรที่เหมือนกันบ้าง
  • มองหาการจัดอันดับ keyword ในหน้าเว็บที่ติดอันดับสูงๆ ว่ามีคีย์เวิร์ดอะไรที่ติดบ้าง

ทำเนื้อหาให้มีเอกลักษณ์

หากคุณเขียนเนื้อหาคล้ายกับเว็บที่ติดอันดับสูงสุด เนื้อหาก็จะเป็นเนื้อหาที่ลอกเลียนแบบ ไม่โดดเด่นหรือมีเอกลักษณ์ เนื้อหาที่คล้ายๆกันนับว่าเป็นปัญหาสำหรับการทำ SEO เนื่องจากคนอ่านไม่อยากที่จะคลิกเข้าไปอ่าน แล้วการคลิกลิงก์ก็มีความสำคัญในการจัดอันดับของ SEO ด้วย

วิธีแก้ไขปัญหานี้:

  • ทำแบบสำรวจ ศึกษา ค้นคว้าเนื้อหาใหม่ๆ
  • ให้มุมมองหรือความคิดเห็นที่เป็นเอกลักษณ์ ซึ่งอาจมาจากคุณ คนในองค์กร หรือผู้เชี่ยวชาญในอุตสาหกรรมนั้นๆ
  • สร้างจากสิ่งที่มีอยู่แล้ว ขยายแนวคิดสำคัญ เจาะลึก และเสนอทางเลือกอื่น
  • เคล็ดลับอีกประการหนึ่งคือดูว่าทำไมผู้คนถึงคลิกเว็บไซต์ที่มีอันดับสูงสุด

ไม่ทำเนื้อหาให้มันยากเกินไป

ผู้คนจะไม่อ่านสิ่งที่ทำให้สับสนหรือเนื้อหาที่ยากเกินไป และยังเป็นเรื่องไม่ดีกับ Google ด้วย เพราะ Google จะใช้ข้อมูลการที่ผู้คนมีปฏิสัมพันธ์กับเนื้อหาว่าเกี่ยวข้องกับอะไร หากผู้ค้นหาไม่สนใจเนื้อหาของคุณก็ย่อมไม่เป็นผลดีกับการทำ SEO 

เคล็ดลับบางประการในการทำให้เนื้อหาไม่มีความ “ยาก” คือ

  • ง่าย ๆ เข้าไว้ หลีกเลี่ยงคำและประโยคที่ซับซ้อน
  • ทำให้ผู้อ่านจินตนาการภาพได้ง่ายๆ ด้วยข้อความ ด้วยรูปภาพ และวิดีโอ
  • พูดภาษาของผู้ฟัง ใช้คำและศัพท์เฉพาะที่โดนใจผู้อ่าน
  • ควบคุมการสะกด ตรวจสอบการสะกดคำ 

พยายามอัปเดตเนื้อหาตลอด

เนื้อหาอาจจะมีเก่าไปบ้างตามกาลเวลา ดังนั้นคุณอาจจะต้องพยายามอัปเดตเนื้อหาอยู่ตลอด เพื่อให้ Google และผู้ค้นหาได้อ่านเนื้อหาใหม่ๆอยู่เสมอ เพราะผู้ค้นหาไม่ต้องการที่จะอ่านเนื้อหาเก่าๆของ Google

ดังนั้นบางครั้งที่ยอดคลิกลดลงก็เนื่องมาจากเนื้อหามันเก่าไป Google จึงลดการนำมาแสดงบนผลการค้นหา เมื่อเราอัปเดตเนื้อหาก็ได้ยอดคลิกที่เพิ่มขึ้น

SEO Content คือเนื้อหาที่ออกแบบมาเพื่อจัดอันดับในเครื่องมือค้นหาเช่น Google มันคือทั้งหมดที่ผู้ค้นหาต้องการ เราควรทำให้มัน “ง่าย” ที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้ ถ้าเราไม่ทำแบบนั้น เนื้อหาของเราอาจไม่ได้รับการจัดอันดับได้