หากคุณต้องการให้ผู้คนค้นพบเว็บไซต์ของคุณผ่าน Google คุณต้องรู้พื้นฐานของ SEO เสียก่อน หลายคนอาจจะคิดว่ามันยาก แต่พื้นฐานของ SEO นั้นง่ายกว่าที่คุณคิดแน่นอน บทความนี้จะพาไปทำความเข้าใจว่า SEO คืออะไร วิธีเตรียมสิ่งต่างๆ ก่อนเริ่มทำ SEO ให้ประสบความสำเร็จ
SEO คืออะไร?
SEO คือการเพิ่มประสิทธิภาพกลไกการค้นหา (Search engine optimization) เป็นกระบวนการในการเพิ่มปริมาณการค้นหาทั่วไปของเว็บไซต์ เป็นที่ที่คุณทำสิ่งต่าง ๆ ที่ช่วยให้คุณได้รับการแสดงบนหน้าเครื่องมือค้นหา และได้รับการจัดอันดับที่สูงขึ้นในหน้าแสดงผลของเครื่องมือค้นหา
ทำไม SEO จึงมีความสำคัญ?
ผู้คนมีแนวโน้มที่จะค้นหาสิ่งที่คุณทำ และคุณสามารถดึงดูดลูกค้าได้โดยการทำ SEO ให้กับคีย์เวิร์ดเหล่านั้น แต่แน่นอนว่าการทำ SEO ให้ติดอันดับนั้นก็ไม่ใช่เรื่องง่ายๆ เนื่องจากคนอื่นๆ ก็พยายามทำ SEO เหมือนกัน นี่คือเหตุผลว่าทำไม SEO จึงมีความสำคัญ เพราะมันช่วยแสดงให้ Google เห็นว่าคุณสมควรได้รับการจัดอันดับมากที่สุดนั่นเอง
SEO มีประโยชน์อย่างไร?
คนส่วนใหญ่คลิกหนึ่งในผลการค้นหาที่อยู่ใน 2-3 อันดับแรกๆ ดังนั้นอันดับที่สูงขึ้นมักจะนำไปสู่การเข้าชมที่มากขึ้น นอกจากนี้ SEO ยังไม่เหมือนกับช่องทางอื่นๆ เพราะปริมาณการค้นหามีแนวโน้มที่จะสม่ำเสมอในแต่ละเดือน
ควรทำ SEO ยังไง?
SEO ประกอบด้วย 5 ขั้นตอนหลัก:
- การทำ Keyword Research ค้นหาสิ่งที่ผู้คนค้นหา
- การสร้างเนื้อหา สร้างสรรค์เนื้อหาสำหรับผู้ค้นหา
- On-page SEO ทำให้เนื้อหาของคุณชัดเจนที่สุด
- การสร้างลิงค์ สร้างความไว้วางใจจากเว็บไซต์อื่น
- เทคนิค SEO ช่วยให้เครื่องมือค้นหาค้นหา รวบรวมข้อมูล และจัดทำดัชนีเนื้อหาของคุณได้อย่างมีประสิทธิภาพ
ขั้นตอนเหล่านี้เป็นขั้นตอนหลักของคู่มือ SEO สำหรับผู้เริ่มต้น
การตั้งค่าเพื่อความสำเร็จทาง SEO
การทำ SEOจะง่ายขึ้นมากเมื่อเว็บไซต์ของคุณได้รับการตั้งค่าอย่างเหมาะสม
เลือกใช้โดเมนที่ดี
โดเมนส่วนใหญ่เหมาะสำหรับ SEO อยู่แล้ว ดังนั้นหากคุณมีโดเมนอยู่แล้วก็ไม่เป็นไร แต่ถ้าคุณกำลังเลือกซื้อโดเมนอยู่ก็ให้พิจารณาโดเมนให้ดีก่อนตัดสินใจซื้อ
ชื่อโดเมน
ชื่อโดเมนที่สั้นและจดจำง่ายนับว่าเป็นชื่อโดเมนที่ดี อย่าพยายามใช้ชื่อธุรกิจที่มียัติภังค์ (-) หรืออักขระพิเศษ
TLD โดเมน
คือส่วนที่อยู่ด้านหลังของชื่อ เช่น .com การเลือก TLD ไม่ได้ส่งผลกับ SEO แต่ .com จะเหมาะสำหรับคนส่วนใหญ่มากกว่า เนื่องจากเป็นโดเมนที่เป็นที่รู้จักและเชื่อถือได้มากที่สุด สำหรับองค์กรต่างๆ มักจะใช้ .org หรือถ้าทำธุรกิจในประเทศโดเมนตามรหัสประเทศ (ccTLD) เช่น .co.th ก็ใช้ได้เช่นกัน
ทางที่ดีควรหลีกเลี่ยง TLD อย่าง .info และ .biz เพราะคนส่วนใหญ่มักจะคิดว่าเป็นเว็บสแปม แต่ถ้าคุณใช้อยู่ก็ไม่เป็นไร เพราะคุณยังสามารถสร้างเว็บไซต์ที่ถูกกฎหมายซึ่งติดอันดับได้ด้วยการทำ SEO อยู่นั่นเอง
ใช้แพลตฟอร์มของเว็บไซต์
แพลตฟอร์มของเว็บไซต์ช่วยให้คุณสร้างและจัดการเว็บไซต์ได้อย่างง่ายดาย มีอยู่สองประเภท:
- Hosted platforms เป็นโฮสต์เว็บไซต์ที่ออกแบบมาแล้วสำเร็จรูป และสามารถเพิ่มและแก้ไขเนื้อหาได้โดยไม่ต้องใช้โค้ดใดๆ
- Self-hosted platforms ก็สามารถเพิ่มและแก้ไขเนื้อหาได้โดยไม่ต้องใช้โค้ดเหมือนกัน ข้อความแตกต่างคือต้องติดตั้งโฮสต์ด้วยตัวเอง
สำหรับในการทำ SEO ส่วนใหญ่เราจะแนะนำแพลตฟอร์ม open-source ที่เป็น Self-hosted เช่น WordPress เนื่องจาก
- มันปรับแต่งได้ สามารถแก้ไขโค้ดโอเพ่นซอร์สได้ตามที่ต้องการ นอกจากนี้ยังมีชุมชนนักพัฒนาจำนวนมาก
- มันสามารถขยายได้ มีปลั๊กอินนับล้านสำหรับช่วยขยายฟังก์ชันในการทำงาน รวมถึงปลั๊กอิน SEO จำนวนมากด้วย
อย่างไรก็ตาม หากอยากได้ความสะดวกในการใช้งานและการสนับสนุนการใช้งานแบบเต็มรูปแบบ โซลูชันแบบ Hosted platforms อาจเหมาะสมกว่า
เลือกใช้เว็บโฮสต์ที่ดี
โฮสต์ที่ดีควรมีการรับรอง SSL/TLS หรืออย่างน้อยที่สุดก็รองรับ Let’s Encrypt อีกทั้งข้อมูลต้องใช้เวลาในการเดินทางระหว่างเซิร์ฟเวอร์และผู้เยี่ยมชม ดังนั้นจึงเป็นการดีที่สุดที่จะเลือกโฮสต์ที่มีเซิร์ฟเวอร์ในประเทศเดียวกันกับการรับส่งข้อมูลของคุณ นอกจากนี้โฮสต์ที่ดีควรจะต้องมีการสนับสนุนตลอด 24 ชั่วโมงทุกวัน
คุณสามารถปรับตำแหน่งเซิร์ฟเวอร์ให้เหมาะสมด้วยเครือข่ายการกระจายเนื้อหา (CDN) มันจะสร้างสำเนาของเว็บไซต์คุณบนเซิร์ฟเวอร์ทั่วโลก ดังนั้นหากเห็นว่าความเร็วของเว็บช้า การลงทุนใน CDN ก็เป็นทางเลือกที่ดี
ใช้ HTTPS
ไม่มีอะไรเลวร้ายมากไปกว่าแฮกเกอร์สามารถเข้าถึงข้อมูลส่วนบุคคลของผู้ที่เข้าเว็บคุณได้ ดังนั้นควรเข้ารหัสเว็บไซต์ด้วย SSL/TLS เสมอ
เลือกการออกแบบที่น่าดึงดูด
ไม่มีใครอยากจะเข้าเว็บไซต์ที่ดูเหมือนมาจากยุค 90 แน่นอน ดังนั้นเว็บไซต์ควรจะดูดีและสะท้อนถึงแบรนด์ของคุณด้วย
เหมาะกับอุปกรณ์เคลื่อนที่
ในปัจจุบันมีการใช้งานบนมือถือมากกว่าเดสก์ท็อป ดังนั้นจึงเป็นเรื่องสำคัญที่เว็บไซต์บนมือถือจะต้องน่าใช้งานพอๆ กับบนเดสก์ท็อป
หลีกเลี่ยงป๊อปอัปและโฆษณาที่ปิดเนื้อหา
ทุกคนเกลียดโฆษณา ดังนั้นควรหลีกเลี่ยงโฆษณารบกวนที่คั่นระหว่างหน้า และหน้าเว็บที่มีเนื้อหาโฆษณาเยอะๆก็อาจไม่ได้รับการจัดอันดับสูงที่นัก
ลิงก์ภายในเว็บไซต์มีความสำคัญต่อ UX และ SEO เช่น:
- ช่วยให้เครื่องมือค้นหาค้นหาหน้าใหม่ๆได้ง่าย เพราะถ้าหาก Google ไม่เจอหน้าเว็บไหน Google ก็จะเอาไปจัดทำดัชนีไม่ได้
- ช่วยส่ง PageRank ไปทั่วเว็บไซต์ของคุณ PageRank เป็นรากฐานของการค้นหาของ Google ที่จะตัดสินคุณภาพของเพจโดยการวิเคราะห์ปริมาณและคุณภาพของลิงก์ที่ชี้ไป
- ช่วยให้เครื่องมือค้นหาเข้าใจว่าเพจของคุณเกี่ยวกับอะไร โดย Google จะดูคำที่คลิกได้ในลิงก์ หรือที่เรียกว่า Anchor Text
- URL มีความสำคัญ เนื่องจากช่วยให้ผู้ค้นหาเข้าใจเนื้อหาและบริบทของหน้าเว็บ ทั้งนี้มีแพลตฟอร์มเว็บไซต์หลายแห่งที่สามารถให้เลือกวิธีจัดโครงสร้าง URL ของคุณได้
ตัวอย่าง URL ใน WordPress:
ธรรมดา: website.com/?p=123
วันและชื่อ : website.com/2021/03/04/seo-basics/
เดือนและชื่อ : website.com/03/04/seo-basics/
ตัวเลข: website.com/865/
ชื่อโพสต์: website.com/seo-basics/
นอกจากนี้ ชื่อ URL ควรมีโครงสร้างที่ชัดเจนและสื่อความหมายได้มากที่สุด โดยเฉพาะชื่อโพสต์ อย่างไรก็ตาม การเปลี่ยนโครงสร้าง URL ในภายหลังจากที่ตั้งไปแล้วอาจไม่ใช่เรื่องดี เพราะอาจทำให้บางส่วนพังได้
ติดตั้งปลั๊กอิน SEO
แพลตฟอร์มเว็บไซต์ส่วนใหญ่จะมีฟังก์ชัน SEO ขั้นพื้นฐานให้ทันที แต่ถ้าคุณใช้ WordPress ก็ควรติดตั้งปลั๊กอิน SEO ขั้นพื้นฐานอย่าง Yoast และ Rank Math ไว้
เตรียมพร้อมสู่ Google
การมีเว็บไซต์ที่พร้อมสำหรับ SEO จะช่วยให้ Google รวบรวมข้อมูลและจัดทำดัชนีหน้าเว็บของคุณได้ โดยมีวิธีคือ
วิธีส่งเว็บไซต์ของคุณไปยัง Google
แผนผังเว็บไซต์ หรือ Sitemaps จะแสดงรายการหน้าสำคัญของเว็บไซต์ของคุณ ที่คุณต้องการให้เครื่องมือค้นหาจัดทำดัชนี โดย Sitemaps อาจจะมีหน้าตาแบบนี้:
- site.com/sitemap.xml
- site.com/sitemap_index.xml
หากไม่เจอ ลองเข้าไปตรวจสอบที่ site.com/robots.txt หากยังไม่เจออีก แสดงว่ายังไม่มี ดังนั้นอาจจะต้องสร้างขึ้นใหม่
ส่ง Sitemaps ให้ Google
วิธีนี้ทำได้ผ่าน Google Search Console (GSC) ใช้เวลาประมาณสองวินาที
Organic traffic
หากปริมาณการเข้าชมทั่วไปเพิ่มขึ้น แสดงว่าคุณกำลังมาถูกทางแล้ว คุณสามารถดู Organic traffic ได้ใน GSC ฟรี
SEO คือกระบวนการในการเพิ่มปริมาณการค้นหาทั่วไปของเว็บไซต์ ทำได้โดยการจัดอันดับผลการค้นหา และมีความสำคัญเนื่องจากคุณไม่น่าจะติดอันดับได้ดี หากไม่มี SEO การจัดอันดับที่สูงจะทำให้คุณได้รับการเข้าชมฟรี และสม่ำเสมอทุกเดือน การทำ SEO จะง่ายขึ้นมากถ้าเว็บไซต์ได้รับการตั้งค่าอย่างเหมาะสม โดยปกติ Google จะค้นหาและจัดทำดัชนีเว็บไซต์ด้วยตนเอง แต่บางครั้งคุณก็สามารถเร่งกระบวนการให้เร็วขึ้นได้ด้วยการส่ง Sitemaps